มีหลายคนสอบถามผู้เขียนว่า การตรวจสอบว่าพลอยแท้หรือไม่แท้ สามารถใช้วิธีกรีดกระจกทดสอบได้หรือไม่ คำตอบก็คือ “ไม่สามารถทำได้” วิธีการนี้เป็นความเชื่อที่พูดต่อๆกันมาว่าพลอยแท้สามารถกรีดกระจกเป็นรอยได้ ซึ่งในความเป็นจริง วัตถุใดๆที่มีความแข็งกว่ากระจกก็สามารถขูดกระจกให้เป็นรอยได้ทั้งนั้น กระจกมีความแข็งอยู่ที่ประมาณ 6 ดังนั้น พลอยไม่แท้อย่างไพลินสังเคราะห์ที่มีความแข็งเท่ากับ 9 ก็สามารถกรีดกระจกเป็นรอยได้เช่นกัน
สำหรับวิธีการดูพลอยเทียมในตอนนี้ ผู้เขียนจะขอยกตัวอย่างการดูพลอยเทียมที่พบมากในท้องตลาดให้ได้ทราบกัน พลอยเทียมในที่นี้หมายถึงพลอยสังเคราะห์และพลอยเลียนแบบ ซึ่งมีมากมายหลายชนิด และแต่ละชนิดก็ใช้วิธีแตกต่างกันไปในการวิเคราะห์
ทับทิมสังเคราะห์ (Synthetic Ruby)
วิธีการดูทับทิมสังเคราะห์ ให้สังเกตลักษณะของเส้นโค้ง ซึ่งจะเห็นเป็นเส้นโค้งถี่ๆเรียงกันในระยะที่เท่าๆกัน เรียกว่า Curved striae ถ้าดูที่ด้านหน้าพลอยไม่เห็น ให้คีบพลอยหัวท้ายแล้วดูด้านข้าง
ตำหนิที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งในการดูพลอยสังเคราะห์ คือ ฟองอากาศ (Gas bubbles) ซึ่งมีหลายรูปร่าง เช่น วงกลม วงรี รูปร่างเหมือนดักแด้ หรือมองเห็นเป็นจุดอยู่จุดเดียว หรือจุดอยู่กันเป็นกลุ่ม และอาจพบเป็นจุดวิ่งตามแนวเส้นโค้ง
บางครั้งการดูเส้นโค้งก็ยากขึ้น เนื่องจากมีการทำตำหนิเลียนแบบตำหนิธรรมชาติขึ้นมา อย่างตำหนิรูปลายนิ้วมือ (Fingerprint) ซึ่งทำขึ้นมาเพื่อกลบลักษณะเส้นโค้งไม่ให้มองเห็นได้ง่าย และทำให้พลอยดูมีตำหนิเหมือนพลอยธรรมชาติ หากสังเกตดูดีๆลักษณะของตำหนิจะผิดธรรมชาติ คือ มีลักษณะเหมือนรังผึ้ง ทับทิมสังเคราะห์ชนิดนี้ พ่อค้าเรียกกันติดปากว่าพลอย ชาตั้ม หรือ ชาทั่ม ซึ่งเป็นชื่อของบริษัทผู้ผลิตพลอยสังเคราะห์ที่ชื่อว่า Chatham นั่นเอง
ดังนั้น หากส่องดูพลอยแล้ว เห็นตำหนิรูปลายนิ้วมืออย่างเดียว ก็ยังไม่สามารถสรุปได้แน่นอนว่าเป็นพลอยแท้ เนื่องจากตำหนิชนิดนี้สามารถทำเลียนแบบขึ้นมาได้ ควรที่จะหาตำหนิอื่นๆประกอบการดูด้วย
นอกจากนี้ ทับทิมสังเคราะห์ยังสามารถทำได้อีกหลายวิธี ที่ยกตัวอย่างไปเป็นตัวอย่างของทับทิมสังเคราะห์ที่พบมากในท้องตลาด วิธีสังเคราะห์ทับทิมชนิดนี้เรียกว่า เฟลมฟิวชั่น (Flame Fusion) ส่วนวิธีอื่นๆ เช่น การสังเคราะห์แบบฟลักซ์ (Flux) ค่อนข้างตรวจสอบได้ยาก ต้องอาศัยนักอัญมณีผู้ชำนาญและเครื่องมือตรวจสอบที่แม่นยำ
ไพลินสังเคราะห์ (Synthetic Blue Sapphire)
วิธีการดูไพลินสังเคราะห์จะเหมือนกับการดูทับทิมสังเคราะห์ เนื่องจากใช้วิธีการสังเคราะห์แบบเดียวกัน แต่ไพลินสังเคราะห์จะสามารถสังเกตได้ง่ายกว่า เพราะเส้นโค้งจะเป็นลักษณะของแถบสีโค้ง (Curved color banding) ซึ่งมีระยะห่างกว่า นอกจากนี้ ยังสามารถพบฟองอากาศอยู่เดี่ยวๆหรือเป็นกลุ่มได้เช่นกันคิวบิคเซอร์โคเนีย (Cubic Zirconia)
คิวบิคเซอร์โคเนีย ชื่อเต็มก็คือ Synthetic Cubic Zirconia หรือเรียกสั้นๆว่า ซีแซด (CZ) เป็นพลอยเทียมชนิดหนึ่งที่พบมากในท้องตลาด คนไทยมักเรียกซีแซดว่าเพชรรัสเซียหรือพลอยรัสเซีย เนื่องจากซีแซดมักสะอาด ไม่ค่อยมีตำหนิให้เห็น การวิเคราะห์ซีแซดจึงใช้วิธีอื่นนอกจากการส่องดูตำหนิ
วิธีแรก คือ การดูประกายสีรุ้ง ซีแซดจะมีประกายสีรุ้งมากกว่าเพชรและพลอยปกติ อาจจะดูยากซักนิดสำหรับมือใหม่ ต้องลองนำมาดูเทียบกันบ่อยๆ
วิธีที่สอง คือ ใช้วิธีดูน้ำหนักของพลอย ซีแซดมีค่าความถ่วงจำเพาะค่อนข้างสูงกว่าพลอยชนิดอื่น ดังนั้นในขนาดที่เท่ากัน ซีแซดจะหนักกว่า ค่าความถ่วงจำเพาะ (ถ.พ.) ที่ว่านี้ คือ สัดส่วนระหว่างน้ำหนักของวัตถุกับน้ำหนักของน้ำที่มีปริมาตรเท่ากับวัตถุ ดังนั้นการหาค่าความถ่วงจำเพาะของพลอย สามารถหาได้โดยการชั่งพลอยในอากาศและชั่งพลอยในน้ำ มาเข้าสูตรคำนวณต่อไป เนื่องจากการคำนวณนี้ต้องมีอุปกรณ์ในการช่วย หากไม่ต้องการใช้อุปกรณ์ ผู้เขียนแนะนำให้ใช้ความรู้สึก โดยลองเอาพลอยแท้และซีแซดที่มีขนาดใกล้เคียงกันมาถือไว้ในอุ้งมือ จะสามารถรู้สึกถึงความแตกต่างของน้ำหนักได้เลยว่าซีแซดมีความหนัก และรู้สึกถ่วงมือมากกว่า
แก้วและพลาสติก (Glass and Plastic)
สำหรับคนที่ดูพลอยจนชำนาญ การดูแก้วและพลาสติกแค่ตาเปล่าก็สามารถรู้ได้เลยว่าไม่ใช่พลอยแท้แน่นอน เนื้อของแก้วและพลาสติกจะดูเบาโล่ง ไม่แกร่งเท่าเนื้อพลอย บางครั้งจะมีสีสดผิดปกติ เวลาจับดูจะรู้สึกอุ่นมือ ซึ่งพลาสติกจะมีน้ำหนักเบากว่าแก้วในขนาดที่เท่ากัน ตำหนิภายในที่สามารถสังเกตเห็นได้ คือ ฟองอากาศ (Gas bubbles) โดยสามารถเห็นได้ทั้งเม็ดเล็กเป็นจุดๆ และเม็ดใหญ่ซึ่งมีลักษณะกลมๆเหมือนโดนัท ส่วนลักษณะของเนื้อแก้วจะมีลักษณะการไหลเป็นเส้น (Flow lines) เนื่องจากการหลอม เรียงตัวกันไม่เป็นระเบียบ